Bluefin Tuna Story

      คงจะได้ยินและคุ้นกันดีกับ ปลาBluefin Tuna หรือ Hon Maguro ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วโลกนิยมใช้ ปลายอดฮิตของนักทานปลาดิบ ปลาBluefin Tuna ปลาอะไรทำไมคนถึงชอบทาน และมีราคาแพง

     ปลาBluefin Tuna เป็นหนึ่งในพันธุ์ปลาซึ่งเป็นที่นิยมทานในประเทศญี่ปุ่นและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก อาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึกระดับ ตั้งแต่ 50 เมตร ถึง 2,743 เมตร ตามมหาสมุทรต่างๆ ทั่วโลก มีลักษณะเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครตรงที่สีของเนื้อปลา Bluefin Tuna จะมีสีแดงเข้มที่ส่วนเนื้อตรงกลางลำตัว และสีชมพูที่ส่วนท้อง ซึ่งแตกต่างจากปลาYellowfin Tuna ที่สีของเนื้อปลานั้นจะอ่อนกว่าอย่างเห็นได้ชัด และรสชาติก็ต่างกันมาก

     ซึ่งหากจะสังเกตกันง่ายๆ ตามร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไปทานกันอยู่นั้นเค้าใช้ปลาอะไร อันดับแรกเลย ดูที่ชื่อเมนูก่อน หากเป็นร้านที่นำปลา Bluefin Tuna มาใช้จริงๆ จะใช้ชื่อเต็มว่า Hon Maguro หรือ เป็นชื่อของปลา Bluefin Tuna ไปเลย ส่วนใหญ่แล้วจะหาทานได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นในระดับสูง  หากร้านไหนใช้ชื่อคำนำหน้าของเมนูว่า Maguro หรือ Tuna ก็แสดงว่าร้านนั้นใช้ ปลา Yellowfin Tuna นั้นเอง

     ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ปลาทู่นาที่นิยมทานกันแบบดิบนั้น จะมี 2 สายพันธ์หลักๆ คือ Bluefin Tuna (ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน) และYellowfin Tuna (ปลาทูน่าครีบเหลือง) ความแตกต่างระหว่าง 2 สายพันธุ์นี้ คือ

     Bluefin Tuna นั้น นับว่าเป็นสายพันธุ์ปลาทูน่าที่ดีที่สุด มีมูลค่ามาก ส่วนใหญ่หาทานได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นระดับสูง รูปร่างลักษณะของปลาสังเกตได้จากขนาด พบได้ตั้งแต่ 80 กิโลกรัม ไปจนถึง 400 กิโลกรัม ลำตัวมีสีน้ำเงินเข้ม และช่วงท้องเป็นสีเงิน พร้อมกับมีเส้นเป็นเงาสะท้อนที่ใต้ท้องบริเวณหาง อาศัยอยู่ในทะเลเขตหนาวถึงหนาวจัด ทำให้เนื้อของBluefin Tuna โดดเด่นตรงที่มีไขมันแทรกเยอะ เป็นไขมันอิ่มตัว แต่ให้พลังงานต่ำ เนื้อนุ่ม แน่น มีรสชาติ กลมกล่อม ชุ่มฉ่ำและนุ่มลิ้นเหมือนกับเนย อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายไม่ว่าจะเป็น โปรตีนชนิดย่อยง่าย, วิตามินนานาชนิด, ไอโอดีน ,โอเมก้า 3 รวมทั้งไขมันชนิดดี ที่เรียกว่า HDL ที่ช่วยป้องกันการสะสมของคอเลสตอรอล แถมยังเป็นอาหารที่มีแคลอรีต่ำอีกด้วย โดยให้พลังงานเพียง 93kcal/100g (โปรตีน 84.6kcal ไขมัน 0.9kcal)

     ส่วน Yellowfin Tuna นั้น จัดเป็นปลาทูน่าที่มีขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง แต่เล็กกว่า Bluefin Tuna มีรูปร่างลักษณะแตกต่างที่เห็นได้ชัด คือ ครีบหลังอันที่สองจะสูงและเรียวยาว มีสีเหลืองสด พบได้ในมหาสมุทรเขตร้อน เนื้อของ Yellowfin Tuna จะมีไขมันแทรกน้อย เป็นปลาที่มีส่วนเนื้อแดงเยอะซะส่วนใหญ่ เนื้อเป็นทรายไม่ละเอียด มีราคาถูก มักขายเป็นทูน่าแช่แข็งและขายสด สำหรับใช้ทำเสต็กและซาชิมิ 106kcal/100g (โปรตีน 97.2kcal ไขมัน 3.6kcal)

     ความต้องการทานปลา Bluefin Tunaของคนญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น เกิดขึ้นจากการได้รับอิทธิพลจากประเทศอเมริกา และการขยายตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ร้านซูชิเติบโตอย่างรวดเร็ว

     และในช่วงปี 1970  สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากที่สามารถจับปลา Bluefin Tuna ได้ภายในประเทศ ก็กลายเป็นว่าต้องนำเข้ามาปีละหลายพันตัน และที่สุดก็กลายมาเป็นปลาที่ต้องนำเข้าปีละเป็นหมื่นตันภายในช่วงปี 1990

 จากความต้องการของปลา Bluefin Tuna ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องมีการประมูลกันอย่างดุเดือด ที่ตลาดปลาTsukiji ซึ่งเป็นตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการประมูลที่แพงที่สุดในปี 2013 ด้วยขนาด 222 กิโลกรัม ราคาสุทธิ 155.4 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 46 ล้านบาท

     หลังจากที่ตลาด Tsukiji ถูกปิดลงในวันที่ 5 ตุลาคม 2018  และถูกย้ายไปที่ตลาดปลาแห่งใหม่ ที่ชื่อว่า Toyosu ในวันที่ 11 ตุลาคม 2018  ราคาปลาทูน่าก็ได้ถูกทำลายสถิติอีกครั้งในวันที่ 5 มกราคม 2019 ด้วยราคา 333.6 ล้านเยน เทียบเท่า 100 ล้านบาท ซึ่งมีขนาด 278 กิโลกรัม โดยเป็นการประมูลที่สูงสุดประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น

     ส่วนใหญ่แล้วปลาที่ถูกส่งมาอยู่ในห้องประมูลปลา Bluefin Tuna ที่ ตลาดปลา Toyosu ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของประเทศญี่ปุ่นนั้น จะมาจากหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก แอฟริกาใต้ นอร์เวย์ กรีซ อิตาลี นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และก็ประเทศญี่ปุ่น เพื่อรอให้ร้านอาหารชั้นนำประมูลแข่งขันกัน หากใครต้องการวัตถุดิบที่ดีที่สุด ก็ย่อมเป็นผู้ที่ยอมจ่ายเงินในราคาสูงมากที่สุด

     รวมทั้งบริษัทของเราและบริษัทในเครือ ที่มีเรือจับปลาทูน่าที่ทันสมัยมากกว่า 100 ลำ ที่อยู่ติดกับทะเลอันดามันของประเทศไทยบนผืนน้ำมหาสมุทรอินเดียที่มีขนาดกว้างใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ จึงรับประกันได้ว่าสามารถจัดหาวัตถุดิบคุณภาพดีเข้าสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

     เราคือผู้เชี่ยวชาญในการคัดเลือก Bluefin Tuna คุณภาพที่ดีที่สุด ดำเนินการตั้งแต่เรือประมง จนถึงขบวนการแปรรูป และจัดเก็บสินค้า ทั้งต่างประเทศ และในประเทศ ซึ่งเราได้ดำเนินการตามมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก  HACCP, GMP และ MSDS สินค้าเราสามารถนำไปต่อยอดแข่งขันบนตลาดในราคาที่เป็นมิตรกับผู้บริโภค ทำให้สินค้าหลักของเราได้รับความนิยมจากร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำทั่วประเทศไทย